เมื่อความเครียดกลายเป็นเรื่องใหญ่ – AI กับบทบาทใหม่ในการดูแลจิตใจคนทำงาน
Student blog — 07/11/2025
ในประเทศไทย กรมสุขภาพจิต (2566) รายงานว่ากลุ่มวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีอัตราความเครียดสูงที่สุด โดยเฉพาะในช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้รูปแบบการทำงานเปลี่ยนแปลงไป ทั้งการทำงานแบบ Work from home การใช้เทคโนโลยีอย่างเข้มข้น และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดแรงงาน ความเครียดที่ไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกายและจิตใจที่ซับซ้อน รวมถึงการลดประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต (Department of Mental Health, 2023)
อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงบริการสุขภาพจิตของวัยทำงานยังคงมีข้อจำกัด เช่น การขาดแคลนบุคลากรด้านสุขภาพจิต ความไม่สะดวกในการเข้ารับบริการ และการตีตราทางสังคม (stigma) ที่ทำให้หลายคนไม่กล้าไปพบแพทย์ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้จำเป็นต้องมองหาทางเลือกใหม่ในการสนับสนุนสุขภาพจิตที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ยืดหยุ่น และเป็นส่วนตัวมากขึ้น หนึ่งในแนวทางที่กำลังได้รับความสนใจคือการนำ ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) มาใช้ในการส่งเสริมและจัดการความเครียดในวัยทำงาน
AI ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในด้านสุขภาพจิตหลากหลายรูปแบบ เช่น แชตบอท (Chatbot) ที่ให้คำปรึกษาเบื้องต้น แอปพลิเคชันสำหรับติดตามระดับความเครียด การใช้ Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการนอน การออกกำลังกาย หรือสัญญาณทางสรีรวิทยา (เช่น Heart Rate Variability) เพื่อประเมินภาวะเครียด ตลอดจนการใช้ Virtual Coaching เพื่อสอนเทคนิคการผ่อนคลาย (Topaz et al., 2021; Inkster et al., 2018) การบูรณาการ AI ในการดูแลสุขภาพจิตจึงถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดช่องว่างของบริการ และตอบสนองต่อความต้องการของวัยทำงานในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างเหมาะสม
- การคัดกรอง (Screening)
- AI ใช้ข้อมูลจากแบบประเมินออนไลน์ แอปพลิเคชัน หรือข้อมูลจากอุปกรณ์สวมใส่ (wearables) เพื่อระบุความเสี่ยงด้านความเครียด
- Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรม เช่น การนอน การออกกำลังกาย การใช้งานโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำนายแนวโน้มความเครียด (Sano & Picard, 2013)
- การติดตาม (Monitoring)
- แอปพลิเคชันสุขภาพจิตใช้ AI ในการติดตามระดับอารมณ์และพฤติกรรมประจำวัน
- Wearable devices เช่น smart watches ตรวจจับ Heart Rate Variability และระดับกิจกรรมทางกาย เพื่อประเมินความเครียดแบบเรียลไทม์
- การจัดการ (Management)
- AI Chatbots เช่น Woebot และ Wysa ช่วยให้คำปรึกษาเบื้องต้น แนะนำการฝึกผ่อนคลาย การฝึกหายใจ และการทำ mindfulness ฮีลใจสุดๆ
- Virtual Coaching ใช้ AI จำลองสถานการณ์เพื่อลดความเครียด เช่น โปรแกรมฝึกสมาธิใน VR
- การสนับสนุนเชิงระบบ (System-level Support)
- องค์กรสามารถใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลการทำงานของบุคลากรเพื่อออกแบบ Employee Wellness Program ที่เหมาะสม
- พยาบาลและนักสุขภาพจิตสามารถใช้ข้อมูลจาก AI ในการให้การดูแลเชิงป้องกันและให้คำปรึกษาเชิงลึก
- World Health Organization. World mental health report: Transforming mental health for all. Geneva: WHO; 2022.
- Department of Mental Health. รายงานสถานการณ์สุขภาพจิตคนไทย พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: กรมสุขภาพจิต; 2566.
- Topaz M, Murga L, Bar-Bachar O, Nacht DR, Radhakrishnan K. Artificial intelligence in nursing: Priorities and opportunities. J Nurs Scholarsh. 2021;53(6):690–700.
- Inkster B, Sarda S, Subramanian V. An empathy-driven, conversational artificial intelligence agent (Wysa) for digital mental well-being: Real-world data evaluation. JMIR Mhealth Uhealth. 2018;6(11):e12106.
- Lazarus RS, Folkman S. Stress, appraisal, and coping. New York: Springer; 1984.
- Schaufeli WB, Bakker AB. Job demands, job resources, and their relationship with burnout and engagement: A multi-sample study. J Organ Behav. 2004;25(3):293–315.
- Pender NJ. Health promotion in nursing practice. 6th ed. Boston: Pearson; 2011.
- Sano A, Picard RW. Stress recognition using wearable sensors and mobile phones. IEEE Trans Affect Comput. 2013;4(2):217–26.
เขียนโดย: อาจารย์วาสนา ทรัพย์ประเสริฐ
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย